ไม่หวั่นหวังวิกล (๘)

โรงละครได้เปิดคัมภีร์หน้าหนึ่งเข้าบันทึกให้ข้า เป็นเพียงคำสั้นๆที่ให้ความหมายทั้งต่อละครที่ถูกแต่งขึ้น หรือละครทางโลกที่ถูกเขียนโดยโชคชะตา มันถูกซ่อนไว้ในนามของความน่าจะเป็น
ขณะที่ข้าจดจ้องไปที่หญิงสาวผู้แสดง ละครเรื่องใหม่ได้เกิดขึ้นในกมล มันดำเนินไปตามสุดแต่ข้าปรารถนา ใบไม้สีดำร่วงหล่นอย่างช้าๆ พร้อมกับหมากรุก สู่เบื้องล่าง ท่ามกลางกลุ่มนักแสดง ข้าแหงนหน้ามองขึ้นไปด้วยความฉงนและตื่นเต้น เพราะนั่นได้ซ่อนความหมายแฝงไว้ในบทละคร
ข้ากระพริบตา นั่นเป็นสัญญาณว่าข้าได้ตื่นจากห้วงฝันในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นการเปิดคัมภีร์อ่านที่ข้าพบผ่านการกระพริบตา ภาพเบื้ิองหน้า ความฉงน ที่สร้างจากผู้เขียนบทละคร เขาเปิดไปที่คำสั้นๆ คำว่า มายากล
วัยสาวของหญิงนั่นเป็นดั่งมายากลของธรรมชาติ ผิวพรรณอันเปล่งปลั่ง รูปโฉมโค้งเว้า นิ้วเรียวพริ้วพราวประกายจากเส้นผม ข้ากระพริบตากี่ครั้งต่อหน้าหญิงสาว นั่นก็เป็นมายากลสำหรับข้า และทุกครั้งที่ข้าจะคิดว่ามายากลนั้นได้ตอกย้ำตัวมันเอง เมื่อหญิงสาวผ่านกาลเวลาอายุขัยที่กัดกร่อนความงาม เจ้ากำลังจะคิดเหมือนข้าไหม กับความสงสัยในความงามแห่งจิตใจในตัวหญิง มันจะกลายร่างเป็นความเหี่ยวแห้งกระด้างไปบ้างไหม หากแต่มันขึ้นอยู่กับปัจเจกของหญิงเหล่านั้น ถ้าคงมั่นในความงามทางจิตใจ มายากลคงได้แต่เล่นงานกับเนื้ิอหนังของเธอเท่านั้น
บทละครผ่านวันวัยในสตรีจากวัยเด็กน่ารักสู่วัยสาวจนกระทั่งชราเฒ่า ผิวนอกของเธอทำหน้าที่เป็นเครื่องห่มเป็นชุดแต่งในละคร ที่บ่งบอกจากเพียงการพิเคราะห์ของคนนอกต่อผิวนอก แต่แล้วเมื่อจิตวิญญาณได้ออกมาแสดงละคร สวมบทบาทปลดเปลื้องซึ่งเนื้อหนัง เหล่าท่านจะพอรู้ได้เลยว่าละครเรื่องนี้จะขับขานทำนองในอารมณ์อย่างใด
ข้าเตรียมลุกขึ้นจากองก์สุดท้ายของชีวิต วิญญาณของนักแสดงในโรงละครทุกตัวได้มาเยียนข้า ไม่มีใครจำบทที่ตัวเองแสดงในขณะที่มีชีวิตอยู่ได้เลย ภารกิจสุดท้ายก่อนที่ข้าจะบรรเลงเพลงฟินาเลของอุปรากรคือ ข้าจะต้องเขียนบทให้วิญญาณเหล่านั้น
ข้าไม่เห็นซึ่งเนื้อหนังของวิญญาณ นั่นทำให้ข้าไม่สามารถจินตนาการขึ้นจากใบหน้าหรือลักษณะของนักแสดงเหล่านั้น ข้ามิอาจเขียนบท แต่เสียงจากภายในข้ากระซิบบอกให้ข้่าได้พูดกับเหล่าวิญญาณ
ทันทีที่ข้าเริ่มเปล่งเสียงเรียก ก็เริ่มมีเสียงจากเหล่าวิญญาณ

…..

มายากลได้บรรเลงท่วงทำนองให้ข้าจนฟินาเลของอุปรากรส่งข้าสู่ห้วงจินตนาการแห่งหญิงสาวตลอดกาล

Leave a comment